เรื่องน่ารู้! รถยนต์แบบไหนควรเติมลมยางเท่าไหร่ให้ใช่และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง

สตาร์ทกี่สิ่งที่สัมผัสกับพื้นถนนอยู่ทุกวัน… ทั้งยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของรถยนต์ของเราก็คือ ‘ยางรถยนต์’ ที่คอยรับน้ำหนักรถ ตลอดจนคอยช่วยลดแรงกระแทกจากการสั่นสะเทือนภายนอก วันนี้บอร์เนียวฯ ขออาสามาแบ่งปันเคล็ดลับสำหรับการดูแลยางรถยนต์และตรวจเช็คลมยาง ว่าการเติมยางรถยนต์เท่าไหร่จึงจะเหมาะสมกับรถคันเก่งของเรา เพื่อไม่ให้คุณภาพของยางเสื่อมสภาพตลอดจนช่วยเพิ่มความปลอดภัยจากอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย

🛞 รถยนต์แต่ละประเภทควรเติมลมยางเท่าไหร่? 🛞

เรียกได้ว่าสิ่งสำคัญที่เราควรใส่ใจเกี่ยวกับ ‘การเติมลมยางรถยนต์’ คือการเติมลมยางตามแรงดันที่แนะนำของรถแต่ละประเภท โดยแรงดันลมยางดังกล่าวสามารถดูได้ที่สติกเกอร์ข้างประตูคนขับได้เลยว่า ‘รถยนต์ของเรานั้นเติมลมยางเท่าไรจึงจะเหมาะสมในระดับปกติ’ ซึ่งในประเทศไทยจะใช้หน่วยวัดเป็น PSI หรือ Pound per Square inche (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) ในการให้แรงดันลมยางที่เป็นหน่วยมาตรฐานในเครื่องปั๊มลมทั่วประเทศ ขณะเดียวกันข้อมูลแรงดันลมยางอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามน้ำหนักบรรทุกและความเร็วการขับขี่ เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการควบคุมรถ การเบรก ไปจนถึงน้ำมันรถนั่นเอง


🚲 รถยนต์ขนาดเล็ก: ควรเติมลมยางที่แรงลมประมาณ 25-30 PSI

🚙 รถยนต์ขนาดกลาง (รถเก๋ง): ควรเติมลมยางที่แรงลมประมาณ 30-35 PSI

🛻 รถกระบะ (ไม่บรรทุก): ควรเติมลมยางที่แรงลมประมาณ 35-40 PSI

🚎 รถตู้สำหรับบรรทุก 7-10 คน: ควรเติมลมยางที่แรงลมประมาณ 43-55 PSI

🛞 เติมลมยางมากหรือน้อยไปส่งผลต่ออะไรบ้าง? 🛞

เมื่อเราทราบข้อมูลแรงดันลมยางของรถยนต์แต่ละประเภทกันไปแล้ว~ การรักษาแรงดันลมยางให้เหมาะสมอยู่เสมอ ยังเป็นอีกหนึ่งวินัยที่ดีของผู้ใช้รถที่จะทำให้ยางรถยนต์ของคุณมีอายุการใช้งานยาวนาน เพราะเมื่อเราควบคุมรถได้ดีการขับขี่ที่ปลอดภัยก็จะตามมา ทั้งยังทำให้รถยนต์ของเราประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ซึ่งแรงดันยางจะลดลงเฉลี่ย 2-3 PSI ใน 1 เดือน ผู้ใช้รถจึงควรทำการตรวจสอบปริมาณของแรงดันยางเฉลี่ย 1-2 เดือนต่อครั้ง

⛽ แรงดันลมยางน้อยเกินไป 🌬️

ในการขับขี่ขณะที่แรงดันลมยางน้อยเกินไป เราจะรู้สึกได้ถึงความนิ่มของช่วงล่าง ขับรถไม่ค่อยยึดเกาะกับถนน โดยเฉพาะเมื่อขับรถเร็วหรือพื้นไม่เรียบ รถจะมีความโยน ไม่นิ่ง ตอบสนองช้าเมื่อเลี้ยวเข้าโค้ง ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนักกว่าปกติและเปลืองน้ำมันเล็กน้อย เพราะลมยางที่หายไปทำให้รถยนต์กินน้ำมันมากขึ้น 5-10% ยิ่งถ้าลมยางอ่อนเกินไปล่ะก็! สำหรับรถยนต์ที่มีการบรรทุกหนักอาจเสี่ยงต่อยางระเบิด เนื่องจากการย้วยผิดรูปหรือแก้มยางบิดตัวเพราะความร้อนทำให้แรงดันในลมยางขยายตัวผ่านการเสียดสีกับพื้นถนน

⛽ แรงดันลมยางมากเกินไป 🌬️

แน่นอนว่าการเติมลมยางทำให้รถยนต์ออกตัวได้ดี แต่หากแรงดันลมยางมากเกินไปก็อาจส่งกระทบต่อการขับขี่เช่นกัน เนื่องจากยางที่ตึงและแข็งกระด้างจะทำให้สัมผัสลดลง ประสิทธิภาพในการยึดเกาะหรือดูดซับแรงกระแทกจากถนนอาจไม่ดีเท่าที่ควรจนรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่มากกว่ากว่าปกติ ส่งผลให้การเบรคกะทันหันเพิ่มระยะทางมากขึ้น และเกิดการสึกหรอของส่วนอื่นๆ เช่น ช่วงล่างของรถยนต์หรือคอพวงมาลัย ฯลฯ หรือในแง่ของการสึกหรอของหน้ายางไม่สม่ำเสมอส่งผลต่ออายุการใช้งานที่สั้นลง รวมถึงอาจเสี่ยงต่ออันตรายจากการลื่นไถลได้ในวันฝนตก ทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิในขณะขับรถ

สนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายกลุ่มสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ ติดต่อบอร์เนียวฯ โทร 02-0814900

อ่านฉบับภาษาอังกฤษที่นี่!

Tags